“...สภาวะที่บีบ รัด ความเป็นอยู่ของเราที่เกิดขึ้นนี้ เป็นผลกระเทือนมาจากความวิปริตของวิถีความเปลี่ยนแปรทางเศรษฐกิจ การเมือง และทางอื่น ๆ ของโลก เราจึงไม่สามารถที่จะหลีกพ้นได้ หากแต่จะต้องเผชิญปัญหาอย่างผู้มีสติ มีปัญญา มีความเข้มแข็งและกล้าหาญ เพื่อเราจักได้รวมกันอยู่อย่างมั่นคงไพบูลย์...”
พระราชดำรัส
พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๒๒
วันอาทิตย์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๑
พระราชดำรัส
พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๒๒
วันอาทิตย์ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๑
“...ปัญหาสังคมนั้น ถ้าพิจารณาดูจะเห็นความจริงข้อหนึ่งว่า ปัญหาทั้งปวงเกิดจากมนุษย์เอง มีมนุษย์เป็นตัวการก่อปัญหา. ถึงไม่ก่อให้คนอื่นโดยตรง ก็ก่อให้ตัวเอง แล้วทำให้เดือดร้อนไปถึงคนอื่น กลายเป็นปัญหาสังคม. ปัญหาสังคมจึงมีมาคู่กับมนุษย์. แม้ปัจจุบันโลกเราจะวิวัฒนาการก้าวหน้าไปเพียงใดก็ตาม แต่ปัญหาต่างๆ ก็มิได้เปลี่ยนแปลงไป เพียงแต่มีตัวอย่างทั้งดีและไม่ดีปรากฏให้เห็นเด่นชัดมากกว่าแต่ก่อน. ดังนั้น บุคคลผู้สามารถประคับประคองให้อยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข จึงต้องมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้นที่จะยึดมั่นปฏิบัติตามแบบอย่างที่พิจารณารู้ ชัดด้วยปัญญาแล้วว่าเป็นทางแห่งความดี ความเจริญ ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจให้มัวเมาหลงผิดไปในทางเสื่อมเสียพร้อมกันนั้นก็จะต้องมี สติกำกับอยู่ตลอดเวลา ที่จะไม่ให้ประพฤติปฏิบัติผิดพลาดด้วยความประมาทพลั้งเผลอ. เหตุนี้ การแก้ไขปัญหาและการพัฒนาสังคม นอกจากจะมุ่งสงเคราะห์ในด้านฐานะความเป็นอยู่แล้ว จึงควรจะได้พัฒนาบุคคลเป็นข้อใหญ่ด้วย. เพราะถ้าบุคคลซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสังคม มีความเข้มแข็ง และมีสติปัญญาที่จะพิจารณาเลือกเฟ้นสิ่งที่ควรและไม่ควรปฏิบัติ ปัญหาต่างๆ ในสังคมก็จะบรรเทาเบาบางลง และสังคมส่วนรวมย่อมจะมีโอกาสพัฒนาให่เจริญก้าวหน้าได้โดยไม่ยากนัก...”
พระราชดำรัส
พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการประชุมการสังคมศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ ๑๕
ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์
วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๓๙
พระราชดำรัส
พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่านในพิธีเปิดการประชุมการสังคมศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ ๑๕
ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์
วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๓๙
“...บ้านเมืองของเราถูกกระทบกระแทกจากความผันผวนและเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทาง เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของโลก เป็นเหตุทำให้คนส่วนหนึ่งปรับตัวไม่ทัน กลับกลายเป็นคนที่คิดเห็นแต่ความอยู่รอดและประโยชน์เฉพาะตนเอง โดยไม่คำนึงถึงความเป็นธรรมและประโยชน์ของผู้อื่นจึงพากันก่ออาชญากรรมและ ความไม่สงบ รวมทั้งการละเมิดและเบียดบังผู้อื่น ด้วยอาการและวิธีการต่างๆ อย่างคาดคิดไม่ถึง. . .”
พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานกระบี่แก่ว่าที่ร้อยตำรวจตรีที่สำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุด
จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ประจำปีการศึกษา ๒๕๒๐
วันจันทร์ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๒๑
พระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานกระบี่แก่ว่าที่ร้อยตำรวจตรีที่สำเร็จการศึกษาชั้นสูงสุด
จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ประจำปีการศึกษา ๒๕๒๐
วันจันทร์ที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๒๑
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น